การเลือกซื้อเพชร
การเลือกซื้อเพชรนั้น นอกจากปัจจัยหลักคือ 4Cs แล้ว ยังมีองค์ประกอบสำคัญอีก เนื่อจากเพชรนั้นมีมูลค่าค่อนข้างสูง การเลือกซื้อจึงจะต้องมีการตรวจสอบ เปรียบเทียบหลากหลายอย่าง โดยทางร้านรับซื้อเพชรได้รวบรวบปัจจัยอื่นๆ มาให้คุณผู้อ่านได้ศึกษากันดังนี้นะคะ
1.กำหนด Budget หรืองบประมาณนั่นเอง
การกำหนดงบประมาณก็เกิดจากการความต้องการในตัวของเพชรเม็ดนั้นๆ เช่นอยากได้ แหวน จะเป็นแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวหรือแหวนเพชรที่มีเม็ดข้างๆ เบื้องต้นควรจะดูราคาเปรียบเทียบตามร้านต่างๆ เพื่อกำหนดงบประมาณให้ถูกต้อง
2.ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด
เบื้องต้นเลย สิ่งที่คุณควรศึกษาคือ ข้อมูลเกี่ยวกับ 4Cs เพราะเป็นหลักสำคัญมากจริงๆสำหรัฐการเลือกซื้อเพชร และเมื่อศึกษาแล้วคราวนี้ถึงเวลาตัดสินใจว่าควรจะให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากกว่า เช่นหากต้องการเพชรเม็ดใสๆ ก็ควรกำหนดคุณสมบัติเพชรที่ต้องการนั้นให้เป็น น้ำ 98(F) ความสะอาด VS1 การเจียระไนอยู่ในระดับ Very good ขึ้นไป หรือหากต้องการเพชรที่มีความใสธรรมดาแต่ต้องการไซส์ที่ใหญ่ไว้ก่อน ก็จะเลือกเป็น H/VVS2 ขนาดใหญ่ขึ้น เป็นต้น
3. เปรียบเทียบราคาเพชรในท้องตลาด
เมื่อมีเพชรที่มีคุณสมบัติและงบประมาณตามที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว จะเป็นการเปรียบเทียบราคาเพชรตามร้านทั่วๆไปสัก 2-3 ร้าน จะได้ราคาเพชรของเพชรที่เราต้องการอย่างคร่าวๆ
4. ปัจจัยอื่นๆ
- Clarity Characteristic คือ ตำหนิภายในและภายนอก เช่น Crystal(ผลึก) Pinpoint(รูเข็ม) Cloud(กลุ่มของรูเข็ม รูปร่างคล้ายเมฆ) Natural(ร่องรอยการเจริญเติบโตของเพชร เป็นการใช้ยืนยันว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นเพชรแท้)
- Polish คือ คุณภาพการขัดเงาที่ผิวของเพชร เพชรที่มีการขัดเงาที่ดีนั้นจะมีความแวววาว สวยงาม
- Symmetry คือ ค่าความสมมาตรของเพชร หรือที่เข้าใจง่ายๆคือขนาดของเหลี่ยมเพชรนั่นเอง ขนาดเหลี่ยมเพชรที่มีคุณภาพดีนั้นต้องอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
- Fluorescence คือ การเรืองแสงของเพชรภายใต้แสงเหนือม่วง (Ultra VioletX) สำหรับเพชรเม็ดเล็กนั้นจะมี ฟลูออเรสเซนส์ปานกลางไปจนถึงเข้ม จึงทำให้เพชรนั้นดูขาวเกินกว่าความเป็นจริง แต่สำหรับเพชรเม็ดใหญ่ ฟลูออเรสเซนจะทไให้เพชรเม็ดนั้นๆดูหมอง ดังนั้นควรเลือกเพชรที่มีฟูออเรสเซนจางๆคือ Faint หรือ Slight
- Total Depth คือ เปอร์เซนต์ความลึก หมายถึงสัดส่วนความลึก ต่อความกว้างเฉลี่ยของเพชร เพชรที่ลึกหรือหนาเกินไปนั้นจะทำให้หน้าเพชรมืด หรือที่เรียกว่า Nail Head ส่วนเพชรที่บางเกินไปจะทำให้เห็นเงาสะท้อนของขอบเพชรที่หน้าเพชร ซึ่งถ้าขอบเพชรเป็นแบบ Beard-Girdle(เพชรขอบขุ่น) จะทำให้เกิด Fish Eye เพราะฉะนั้นเปอร์เซนต์ความลึกที่ดีควรจะอยู่ระหว่าง 58 – 62.3%
- Table size ขนาดของเหลี่ยมเทเบิ้ล (เหลี่ยมที่ใหญ่ที่สุด เป็นแปดเหลี่ยมอยู่กลางหน้าเพชร) ขนาด table ที่สวยงามอยู่ระหว่าง 52-60%
- Crown angle มุมคราวน์ตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideacut) อยู่ระหว่าง 33-35.1 องศา
- Crown height ความสูงของคราวน์ (ครึ่งบนของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง) เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความสูงของคราวน์ตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 13.5-16.8%
- Pavilion Angle มุมพาวิลเลี่ยน ไม่เคยเห็นการกำหนดมุมพาวิลเลี่ยนที่เหมาะสม แต่โดยมากที่เห็นจะอยู่ระหว่าง 40.5-41.5 องศา
- Pavilion Depth ความลึกของพาวิลเลี่ยน (ครึ่งล่างของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง) เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความลึกของพาวิลเลี่ยนตามเหลี่ยมในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 42.5-43.5%
- Girdle เพชรที่มีคุณภาพดีมักมีขอบเพชรอยู่ระหว่าง thin-medium-slightly thick (บาง-กลาง-หนาเล็กน้อย)ควรหลีกเลี่ยงเพชรที่มีขอบบางมาก (Very thin) เพราะขอบเพชรจะเปราะและบิ่นได้ง่าย และควรหลีกเหลี่ยงเพชรที่มีขอบหนา (thick-very thick) เพราะแสงจะลอดออกทางขอบเพชร การสะท้อนแสงจะด้อยลง
- Culet คือเหลี่ยมที่ส่วนล่างสุดของเพชร (ก้นเพชร) ควรเลือกเพชรที่ไม่มีเหลี่ยม culet (none or pointed) หรือ small และหลีกเลี่ยงเพชรที่มี culet ใหญ่กว่า medium ขึ้นไป เพราะเวลามองเพชรจากด้านหน้าจะเห็นเหลี่ยมนี้ เหมือนมีรูกลมๆ ตรงกลางเพชร
Facebook Fanpage
www.facebook.com/RaanMon
ส่งข้อความหาเราทาง Facebook
www.facebook.com/messages/t/RaanMon